บทนำ: ทำไมเครนทุกตัวต้องผ่านการทดสอบน้ำหนัก
ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เครนหรือปั้นจั่น ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง โรงงาน หรือท่าเรือ การรับประกันความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กฎหมายไทยจึงกำหนดให้ทุกปั้นจั่นต้องผ่านการตรวจสอบและทดสอบอย่างสม่ำเสมอ
หนึ่งในเอกสารสำคัญที่ทุกเครนต้องมีคือ "ใบรับรอง ปจ.2" ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเครนนั้นได้ผ่านการทดสอบน้ำหนัก (Load Test) และอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน
บทความนี้จะอธิบายว่า ปจ.2 คืออะไร การทดสอบทำอย่างไร และทำไมถึงสำคัญ
ปจ.2 คืออะไร?
"ปจ." ย่อมาจาก "ปั้นจั่น" (Crane)
มีใบรับรอง 2 ประเภท:
- ปจ.1 = ใบรับรองสำหรับปั้นจั่นใหม่ (ก่อนใช้งานครั้งแรก)
- ปจ.2 = ใบรับรองสำหรับปั้นจั่นที่ใช้งานอยู่ (ต้องตรวจซ้ำทุกปี)
ตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้:
ทุกปั้นจั่นที่ใช้งานอยู่ต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองโดยวิศวกรผู้มีใบอนุญาต อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
การตรวจ ปจ.2 ไม่ใช่แค่การตรวจสภาพภายนอก แต่ต้องมี การทดสอบน้ำหนักจริง (Load Test) เพื่อยืนยันว่าเครนยังคงความสามารถในการรับน้ำหนักตามที่กำหนด
หลักการทดสอบน้ำหนัก (Load Test)
ข้อกำหนดตามกฎหมาย
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกำหนดหลักการทดสอบไว้ชัดเจนว่า:
"ต้องทดสอบด้วยน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1.25 เท่าของพิกัดยกสูงสุด หรือน้ำหนักที่จะใช้งานจริง"
ตัวอย่างการคำนวณ:
- หากเครนมีพิกัดยก 100 ตัน
- น้ำหนักทดสอบ = 100 × 1.25 = 125 ตัน
จุดประสงค์ของการทดสอบ:
- ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง
- ทดสอบระบบไฮดรอลิก
- ทดสอบระบบเบรก (Hoist Brake)
- ตรวจสอบสลิงและอุปกรณ์ยก
- ทดสอบอุปกรณ์นิรภัยต่างๆ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย: การทดสอบแบบ "โมเมนต์เทียบเท่า"
บางครั้งอาจเห็นการทดสอบที่ใช้น้ำหนักน้อยกว่า แต่ยื่นบูมออกไปไกล โดยอ้างว่า "โมเมนต์เท่ากัน"
ตัวอย่าง:
- ทดสอบ 50 ตัน ที่ระยะ 20 เมตร (โมเมนต์ = 1,000 ตัน·ม.)
- อ้างว่าเทียบเท่ากับ 100 ตัน ที่ระยะ 10 เมตร (โมเมนต์ = 1,000 ตัน·ม.)
ปัญหาของวิธีนี้:
- น้ำหนักบูมไม่ถูกคำนวณ - เมื่อยื่นบูมยาวขึ้น น้ำหนักของบูมเองก็เพิ่มขึ้น
- ระบบเบรกไม่ถูกทดสอบเต็มที่ - เบรกต้องรับน้ำหนักจริงที่จะใช้งาน
- การกระจายน้ำหนักผิด - สลิงและอุปกรณ์ยกไม่ได้รับแรงตามจริง
ข้อสรุป: การทดสอบแบบโมเมนต์เทียบเท่าไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม และไม่เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล
ส่วนประกอบที่ต้องตรวจสอบใน Load Test
1. โครงสร้างเครน (Structural Test)
- ตรวจความแข็งแรงของบูม (Boom)
- ตรวจขาตั้งสมดุล (Outrigger)
- มองหารอยแตก รอยบิด หรือการเสียรูป
2. ระบบสลิง (Wire Rope System)
- จำนวนเส้นสลิงที่ใช้ (Part Line)
- การกระจายน้ำหนักไปยังแต่ละเส้น
- การสึกหรอและความเสียหาย
หมายเหตุ: Part Line คือจำนวนเส้นสลิงที่ใช้รับน้ำหนัก ยิ่งมีเส้นมาก แรงที่กระจายไปแต่ละเส้นก็น้อยลง
3. ระบบไฮดรอลิก (Hydraulic System)
- ความดันในระบบ
- การรั่วซึมของน้ำมัน
- การทำงานของกระบอกไฮดรอลิก
4. ระบบเบรก (Brake System)
- ความสามารถในการหยุดและค้างน้ำหนัก
- การทดสอบด้วยการหยุดกลางอากาศ
- การรูดหรือไหลของเบรก
5. อุปกรณ์นิรภัย (Safety Devices)
- Anti Two-Block: ป้องกันตะขอชนรอก
- Limit Switch: จำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหว
- Load Indicator: แสดงน้ำหนักที่ยก
- Overload Protection: ป้องกันการยกเกินพิกัด
ขั้นตอนการทดสอบที่ถูกต้อง
ก่อนการทดสอบ:
- ตรวจสอบเอกสารและประวัติการตรวจเครนก่อนหน้า
- ตรวจสภาพภายนอกของเครน
- เตรียมน้ำหนักทดสอบให้พร้อม
- กำหนดพื้นที่ปลอดภัย
ระหว่างการทดสอบ:
- ยกน้ำหนักทดสอบ 1.25 เท่าขึ้นช้าๆ
- ค้างน้ำหนักไว้ตามเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไป 10-15 นาที)
- สังเกตการเสียรูปหรือความผิดปกติ
- ทดสอบการทำงานของเบรกและอุปกรณ์นิรภัย
- ทดสอบในหลายตำแหน่งและมุม
หลังการทดสอบ:
- ลดน้ำหนักลงช้าๆ
- ตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- บันทึกผลการทดสอบ
- วิศวกรจัดทำรายงานและออกใบรับรอง
ใครมีหน้าที่ตรวจและออกใบรับรอง?
ตามกฎหมาย การตรวจสอบและออกใบรับรอง ปจ.2 ต้องทำโดย:
วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
วิศวกรเหล่านี้ต้อง:
- สำเร็จการศึกษาสาขาวิศวกรรม
- มีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องจักรกล
- ผ่านการอบรมและสอบจากกรมสวัสดิการฯ
- มีใบอนุญาตที่ยังไม่หมดอายุ
โทษทางกฎหมายหากไม่ปฏิบัติตาม
หากใช้ปั้นจั่นโดยไม่มีใบรับรอง ปจ.2 หรือใบหมดอายุ:
- นายจ้างหรือผู้ประกอบกิจการ อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. ความปลอดภัยฯ
- ปรับได้ถึง 400,000 บาท
- หากเกิดอุบัติเหตุ อาจมีโทษทางอาญาเพิ่มเติม
- ประกันอาจไม่คุ้มครอง หากตรวจพบว่าใช้เครนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ความถี่ในการตรวจ
ตามกฎหมาย:
- ปจ.2 ต้องตรวจทุกปี โดยไม่มีข้อยกเว้น
แนะนำเพิ่มเติม:
- ใช้งานหนักหรือต่อเนื่อง: ควรตรวจทุก 6 เดือน
- ทำงานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง: (ทะเล ฝุ่นมาก) ควรตรวจบ่อยขึ้น
- หลังการซ่อมแซมใหญ่: ควรทดสอบใหม่ก่อนใช้งาน
คำถามที่พบบ่อย
Q: ต้องทดสอบทุกครั้งที่ใช้งานไหม?
A: ไม่ต้อง แต่ต้องตรวจสภาพภายนอกก่อนใช้ทุกครั้ง และทำ Load Test เต็มรูปแบบปีละครั้ง
Q: ถ้าเครนไม่ได้ใช้งาน ยังต้องทดสอบไหม?
A: ถ้าจะนำมาใช้งาน ต้องทดสอบก่อนใช้ แม้จะเก็บไว้นาน
Q: Load Test ใช้เวลานานแค่ไหน?
A: ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทเครน โดยทั่วไป 4-8 ชั่วโมง
Q: ทดสอบแล้วเครนจะเสียไหม?
A: การทดสอบที่ถูกต้องจะไม่ทำให้เสียหาย แต่จะช่วยตรวจพบปัญหาที่ซ่อนอยู่
Q: ทุกบริษัทเช่าเครนออกใบ ปจ.2 ได้ไหม?
A: ไม่ใช่ ต้องมีวิศวกรที่มีใบอนุญาตจากกรมสวัสดิการฯ เท่านั้น
มาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง
นอกจากกฎหมายไทย ยังมีมาตรฐานสากลที่อ้างอิงได้:
ASME B30.5
มาตรฐานจาก American Society of Mechanical Engineers สำหรับ Mobile Crane
ISO 12482
มาตรฐานสากลสำหรับการทดสอบเครน
EN 13852
มาตรฐานยุโรปสำหรับ Offshore Crane
ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้งาน
ก่อนใช้งาน:
- ตรวจสอบวันหมดอายุของ ปจ.2
- ตรวจสภาพภายนอกของเครน
- ตรวจสอบสลิงและอุปกรณ์ยก
ระหว่างใช้งาน:
- ไม่ยกเกินพิกัดที่กำหนด
- ไม่ยื่นบูมเกินระยะที่อนุญาต
- สังเกตเสียงและการทำงานผิดปกติ
หลังใช้งาน:
- บันทึกการใช้งาน
- รายงานปัญหาที่พบ
- จัดเก็บในที่เหมาะสม
สรุป
Load Test ปจ.2 เป็นมากกว่าแค่ข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่เป็นการรับประกันความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้อง การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วย:
- ป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดจากเครนชำรุด
- ลดความเสี่ยง ต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- หลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย และค่าปรับ
- ยืดอายุการใช้งานเครน ด้วยการตรวจสอบสม่ำเสมอ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Load Test ควรปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบน้ำหนักเครนตามกฎหมาย สำหรับข้อมูลเฉพาะเจาะจง ควรปรึกษาวิศวกรผู้มีใบอนุญาตหรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง



